วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

เมื่อเด็กอยากเป็นหมอ เราจะทำยังไงดี

                                                               เด็กน้อยร่าเริง มีความฝันอยากเป็นคุณหมอ หยิบกล่องเครื่องมือแพทย์ขึ้นมา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นนางแบบให้อย่างดี น้องหมอปวดหู ผมตรวจดูรูหูปุ๊บ อุ๊ย หนองตรึม ดูดเลยดีกว่า แล้วปรากฎว่า    ดังภาพข้างล่างนี้ น้ำตาตก แก้มบวม งอน เอากล่องมาฟากผม เฮ้อ เด็กๆนี่เข้าใจอะไรได้ยากจริง

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

เซ็นรับรองสำเนา..อย่าใช้หมึกน้ำเงิน ต้องหมึกดำเท่านั้น‏

อย่าลืม ต้องใช้ปากกากหมึกดำเท่านั้น...จึงจะปลอดภัยที่สุด




วิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง...รู้ไว้ไม่เป็นหนี้

ตัวอย่าง /


บางคนอาจใช้ขีดเส้นขนาน แล้วเขียนข้อความ / เซ็นรับรอง

วันนี้เอาวิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาที่ถูกต้อง มาแบ่งปันให้คุณรู้ไว้จะได้ไม่เป็นหนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ประมาทไม่ได้เลยล่ะ เพราะหากเซ็นไม่ถูกวิธีแม้เพียงนิดเดียว คุณอาจตกเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีที่นำเอาเอกสารสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารสำคัญอื่นๆ จากการเซ็นรับรองของเราไปทำประโยชน์ส่วนตน แต่สร้างหนี้ที่ไม่ได้ก่อให้กับเรา ดังนั้นจึงขอแนะนำว่า...ทุกครั้งหากต้องเซ็นเอกสารรับรองสำเนาอย่าลืม ...จำ...และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้นะครับ...





1) ทุกครั้งหลังจากเซ็นชื่อ และเขียนรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว ต้องเขียนรายละเอียดกำกับไว้ด้วยว่า..เอกสารฉบับนั้นใช้สำหรับทำอะไร เช่น "ใช้เฉพาะสมัครงานเท่านั้น"

2) นอกจากกำกับรายละเอียดการใช้แล้ว ยังต้องกำกับ วัน/เดือน/ปี เขียนลงบนสำเนาที่ใช้ด้วยนะค่ะ ซึ่งนั่นจะช่วยกำหนดอายุการใช้งานสำเนาของเราได้

3) ต้องเขียนข้อความทั้งหมดทับลงบนสำเนาส่วนที่เป็นบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารอื่นๆ ที่สำคัญ

ทั้งสามข้อคือวิธีเซ็นที่ถูกต้องในการรับรองสำเนาอย่างรัดกุม ไม่เปิดช่องทาง ให้กับมิจฉาชีพ เอาไปสร้างหนี้ให้กับเรา ต่อไปนี้ต้องระวัง เพราะคุณอาจเป็นรายต่อไป ที่จู่ๆก็มี หนี้ตามมาเคาะประตูถึงบ้าน รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมทำตามล่ะ

4) ในกรณี ที่เซ็นเอกสาร ต้องใช้ปากกาหมึกสีดำเท่านั้น ถึงจะปลอดภัยที่สุด เพราะเครื่องถ่ายเอกสาร บางเครื่อง สามารถถ่ายเอกสารโดยดึงหมึกสีน้ำเงินออก เหลือใช้เฉพาะข้อความของบัตรประชาชน แล้วทำให้มิจฉาชีพ เซ็นเอกสารบัตรประชาชนนั้น แทนเราได้เลย



****เพราะฉะนั้นเราควรเซ็นด้วยปากกาสีดำเท่านั้น เพราะไม่สามารถดึงหมึกสีดำออกได้ หรือถ้าดึงสีดำออกได้ข้อความก็จะหายไปหมดเลยทั้งหน้าบัตรประชาชนครับ

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

มีใครมายืนอยู่ปลายเตียงตอนนอน

เมื่อคืนประมาณตี2 ขณะนอนอยู่ ผมรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่าง ยืนมองดูผมอยู่ที่ปลายเตียง ในห้องที่มืดและเงียบสงัด ผมพยายามลืมตื่นตา ปรับสายตาให้มองเห็นในความมืด ร่างขาวๆ หน้าขาวๆยืนมองผมอยู่ จ้องมาที่ผม เดินเข้ามาที่ปลายเตียงอย่างช้าๆ ผมพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ทว่า มันช่างหนัก ปากจะพูดก็ลำบาก
พอลุกขึ้นมาได้ เห็นหน้าขาวๆ ตัวขาวๆ ก็บอกเลย เมิงมาทำอะไร เมิงเป็นใคร สักพักมันก็ก้าวเข้ามาใกล้ๆขึ้น แต่ด้วยความที่ดึกแล้ว ตอนนอนก็ถอดแว่นทำให้เห็นไม่ชัด แต่พอตอนเช้าแม่บอกว่าได้ยินเสียงเราพึมพัมอยู่ตอนดึก อะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่องไรเลย
แต่ได้ยินน้องชายที่เพิ่งโกนหนวดจนหน้าขาวพูดว่า นี่เช็คเอง กำลังจะนอน แต่เดินเบาๆ กลัวคนอื่นตื่น เอ่อสรุปที่เห็นนั่นไอ้น้องชายกระผมเอง จะบ้าตาย หลอนไปเลย

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

จดหมายจากฆาตรกร

เมื่อพี่ชายยอมทำทุกอย่างให้น้องชายมีความสุขและได้เรียนสูงขึ้น ตามที่แม่ได้บอกไว้ แต่แล้วเมื่อเค้าทำผิด กลายเป็นฆาตรกร
การกลายเป็นฆาตรกรของพี่ชาย ทำให้เค้าต้องส่งจดหมายออกมาเล่าเรื่องราวภายในคุกให้น้องชายฟังเป็นประจำได้เดือนละครั้งตลอด 15 ปี แต่หารู้ไม่ว่านั่นทำให้ชีวิตน้องชายของเค้าต้องเปลี่ยนไปตลอดการ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องความรัก เรื่องงาน และเรื่องครอบครัว
แล้วเค้าจะทำยังไง เพื่อไม่ให้น้องชายต้องเจ็บปวดกับการที่มีพี่ชายเป็นฆาตรกรตลอดไป
เรื่องเศร้าที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในญี่ปุ่น จนทำเป็นภาพยนตร์ นี่เป็นเรื่องราวที่เราแนะนำให้ทุกๆท่านที่รักการอ่าน ได้หามาอ่าน น้ำตาท่านจะไหลเอ่ออย่างไม่รู้ตัว